Fibonacci หลายคนอาจรู้จักในชื่อ Golden Ratio (สัดส่วนทองคำ) มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ช่วง 2,200 ปีก่อน โดยชาวกรีกที่มีชื่อว่า Euclid (ยูคริด) ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดวิชาเรขาคณิต โดยในช่วงนั้นจะเน้นไปในเชิงคณิตศาสตร์ และเริ่มเรียกว่า Golden Section ในช่วงหลังทศวรรษที่ 15 โดย Luca Pacioli และ Leonardo da Vinci เรียกมันว่า Divine Proportion (สัดส่วนศักดิ์สิทธิ์) คำว่า “Golden” ถูกนำมาใช้อีกในปี 1835 ในหนังสือของนักคณิตศาสตร์ Martin Ohm และยิ่งเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในนวนิยายเรื่อง The Da Vinci Code ของ แดนบราวน์

     หลักการของ Fibonacci มาจากการใช้สัดส่วน 1 ต่อ 1.618 โดยประมาณ ซึ่งในสมัยก่อนชาวกรีกโบราณเชื่อว่าสัดส่วนดังกล่าว เป็นสัดส่วนที่มีความสมบูรณ์แบบของ ความงามของสรรพสิ่งในจักรวาลและกฏแห่งธรรมชาติ สัดส่วนดังกล่าวจึงถูกนำมาใช้สร้างสิ่งปลูกสร้างที่มีความสำคัญต่างๆมากมาย เช่น วิหารพาร์เธนอน, ทัชมาฮาล, และพีระมิดอียิปต์ รวมถึงในงานศิลปะเราจะพบว่ามีสัดส่วนดังกล่าวงานศิลป์ระดับโลกอยู่มากมายเหมือนกัน ลองดูตัวอย่างจากรูปด้านล่าง

สิ่งที่มีสัดส่วนทอง

มาดูการใช้งานจริงของ Fibonacci ในกราฟกันบ้าง

แบบที่ 1 จะเป็นการหาจุดสูงสุดใหม่ หลังจากราคามีการปรับลงจากจุดสูงสุดในคลื่นนั้นๆ

     โดยปกติจะสนใจที่ระดับ 0, 0.382, 0.618, 1 และ 1.618 เป็นหลัก ดังตัวอย่างในรูปล่าง จะพบว่าราคาเริ่มปรับตัวจากจุดต่ำสุดที่ระดับ 0 และขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1 หลังจากนั้นราคาลงมาทดสอบแนวรับที่ระดับ 0.618 และกลับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1.618 พอดี และแน่นอนว่าระดับ 1.618 ดังกล่าวเป็นแนวต้าน ราคาจึงมีการปรับตัวลงมาที่ระดับ 1 ซึ่งเป็นแนวรับ ก่อนจะปรับตัวขึ้นต่ออีกรอบ

Example-Fibonacci-1.618

แบบที่ 2 จะเป็นการหาแนวรับแนวต้าน หลังจากราคามีการปรับลงจากจุดสูงสุดในคลื่นนั้นๆ

     โดยปกติจะสนใจที่ระดับ 0, 0.236, 0.382, 0.5, 0.618, 0.786 และ 1 เป็นหลัก ดังตัวอย่างในรูปแรก จะพบว่าราคาเริ่มปรับตัวจากจุดต่ำสุดที่ระดับ 0 และขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1 หลังจากนั้นราคาลงมาทดสอบแนวรับที่ระดับ 0.5 และเริ่มมีการปรับตัวขึ้นใหม่อีกรอบ ซึ่งหากราคามีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1.618 ราคาที่ปรับตัวลงมาไม่ควรจะหลุดระดับ 0.5 ลงไป และมักจะพักตัวที่ระดับ 0.618 ดังเช่นในแบบที่ 1

Example-Fibonacci-Support&Resistance

     การคำนวนระดับ Fibonacci ปกติโปรแกรมที่ใช้ดูกราฟ จะมีเครื่องมือมาให้เราตีเส้นจากระดับต่ำสุดไปสูงสุด หรือสูงสุดไปต่ำสุด หลังจากนั้นระดับต่างๆจะปรากฏขึ้นมาอัตโนมัติ และยังสามารถเพิ่มระดับ-ตัดระดับ ที่ไม่สนใจออกไปได้ เพื่อให้ง่ายต่อการดูแนวรับ-แนวต้านที่สนใจ