ราคาและความต้องการของสินค้าหรือบริการทุกอย่าง ล้วนเกิดจากปัจจัยทางด้าน อุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ของสิ่งนั้นๆทั้งสิ้น โดยที่ราคากลางในตลาดจะเป็นตัวแสดงถึง จุดดุลยภาพ (Equilibrium Point) ของสินค้าหรือบริการนั้นๆ

     จุดดลยภาพ (Equilibrium Point) จึงเป็นพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ที่นักลงทุนควรจะทราบก่อนสิ่งอื่นใด เนื่องจากดุลยภาพนั้นเป็นตัวกำหนดทั้งราคา (Price) รวมถึงปริมาณความต้องการ (Volume) ของทุกสิ่งบนโลก สินค้าหรือบริการใดที่มีความต้องการมากขึ้น ราคาย่อมปรับตัวขึ้นและดึงดูดให้มีผู้สนใจขายหรือผลิตมากขึ้น หากสินค้าหรือบริการใดมีความต้องการลดลง ราคาย่อมปรับตัวลดลงและความจูงใจในการผลิตหรือการขายก็จะลดลงตาม นี่คือหลักการของดุลยภาพที่เกิดขึ้นโดย อุปสงค์ และ อุปทาน ที่ผมกำลังจะอธิบายให้ท่านเข้าใจมากขึ้นในบทความนี้

อุปสงค์ (Demand)

     อุปสงค์ (Demand) หมายถึง ความต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ ณ ระดับราคาต่างๆ ในระยะเวลาหนึ่ง เมื่อกำหนดให้ปัจจัยอื่นๆคงที่ โดยที่มี ความต้องการที่จะซื้อ (Willing to buy) และความสามารถในการจ่ายเพื่อซื้อ (Ability to pay) เป็นปัจจัยหลัก

กฏของอุปสงค์ :: เมื่อปัจจัยด้านอื่นๆคงที่ หากราคาแพงขึ้น จะส่งผลให้ความต้องการซื้อลดลง และหากราคาถูกลง จะส่งผลให้ความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น สรุปได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ราคา และ ความต้องการซื้อ มีความผกผันกัน เส้นอุปสงค์จึงมีความชันเป็นลบ

ปัจจัยที่กำหนดการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์

  • ราคาของสินค้า :: เมื่อราคาถูกลง ความต้องการสินค้าหรือบริการจะเพิ่มขึ้น
  • รายได้ของผู้บริโภค :: เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้องการบริโภคมากขึ้น หรือบริโภคสินที่มีคุณภาพมากขึ้น
  • ราคาของสินค้าอื่นๆ :: หากเป็นสินค้าที่ใช้ทดแทนกันมีราคาถูกลงคนจะหันไปใช้สินค้าที่สามารถใช้ทดแทนกันได้เพิ่มขึ้น (เช่น ราคาหมูและไก่) แต่หากสินค้าที่ใช้ประกอบกันมีราคาถูกลงคนจะหันมาใช้สินค้านี้มากขึ้น (เช่น ราคารถและน้ำมัน)
  • รสนิยมของผู้บริโภค :: เมื่อรสนิยมในการบริโภคเปลี่ยนไป จะส่งผลกระทบกับความต้องการของผู้บริโภค
  • การคาดการณ์รายได้ในอนาคต :: เมื่อคาดว่าจะมีรายได้ในอนาคตมากขึ้น จะส่งผลให้มีการบริโภคในปัจจุบันเพิ่มขึ้น
  • ปัจจัยอื่นๆ เช่น นโยบายรัฐบาล ฤดูกาล จำนวนประชากร ฯลฯ

อุปทาน (Supply)

     อุปทาน (Supply) หมายถึง ความต้องการขายสินค้าหรือบริการ ณ ระดับราคาต่างๆ ในระยะเวลาหนึ่ง เมื่อกำหนดให้ปัจจัยอื่นๆคงที่ โดยที่มี ความต้องการที่จะขาย (Willing to sell) และความสามารถในการผลิต (Ability to produce) เป็นปัจจัยหลัก

กฏของอุปสงค์ :: เมื่อปัจจัยด้านอื่นๆคงที่ หากราคาแพงขึ้น จะส่งผลให้ความต้องการขายเพิ่มขึ้น และหากราคาถูกลง จะส่งผลให้ความต้องการขายลดลง สรุปได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ราคา และ ความต้องการขาย มีความแปรผันกัน เส้นอุปสงค์จึงมีความชันเป็นบวก

ปัจจัยที่กำหนดการเปลี่ยนแปลงของอุปทาน

  • ราคาของสินค้า :: เมื่อราคาถูกลง ความต้องการขายสินค้าหรือบริการจะลดลง
  • ราคาของต้นทุนการผลิต :: เมื่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จะส่งผลให้ความต้องการผลิตลดลง เนื่องจากกำไรลดลง
  • ราคาของสินค้าอื่น :: เมื่อราคาสินค้าอื่นแพงขึ้น จะเป็นแรงจูงใจให้เปลี่ยนไปผลิตหรือขายสินค้าอื่นมากขึ้น
  • เทคโนโลยีในการผลิต :: เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มลงลด(ได้กำไรมากขึ้น) จึงเป็นแรงจูงใจในการผลิตหรือขายมากขึ้น
  • การคาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคต :: หากคาดว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัว จะส่งผลให้เพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อรองรับคามต้องการสินค้าหรือบริการในอนาคตมากขึ้น
  • ปัจจัยอื่นๆ เช่น ฤดูกาล ภาษีและเงินอุดหนุน โครงสร้างตลาด ความสามารถในการเข้าถึงธุรกิจ ฯลฯ