ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) หมายถึง มูลค่าที่สูญเสีย โอกาส (Chance) รวมทั้ง ผลประโยชน์ (Benefit) ในการเลือกทำกิจกรรมอย่างหนึ่ง โดยต้นทุนค่าเสียโอกาสนี้ จะคิดจากการมูลค่าสูงสุดในกิจกรรมที่ไม่ได้เลือกในขณะนั้น เนื่องจากเราไม่สามารถเลือกทำกิจกรรมทั้งหมดได้ เพราะมีเงื่อนไขหรือปัจจัยต่างๆ อย่างเช่น เวลา (Time) เป็นตัวกำหนด
หากดูเผินๆ ต้นทุนค่าเสียโอกาส อาจดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว หรือเป็นเพียงแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ แต่ทุกๆครั้งที่เราต้องตัดสินใจ ไม่ว่าจะมีทางเลือกเพียง 1 ทางเลือกก็ตาม เราก็ยังต้องตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำ คุ้มรึเปล่า นี่แหละคือการวิเคราะห์ต้นทุนค่าเสียโอกาส ต้นทุนค่าเสียโอกาสจึงเป็นเรื่องเรื่องใกล้ตัวที่ผ่านกระบวนการคิด-วิเคราะห์ของทุกคนโดยอัตโนมัติ แม้เราจะไม่รู้ตัวก็ตามว่าเรากำลังพิจารณาถึง ต้นทุนค่าเสียโอกาส ในเรื่องนั้นอยู่
การคำนวนต้นทุนค่าเสียโอกาสในความเป็นจริงนั้นทำได้ยาก และมักจะอยู่ในรูปแบบของการคาดการณ์ เพราะอาจมีปัจจัยอื่นๆเข้ามากระทบทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ ซึ่งจะส่งผลให้การคาดการณ์ในข้างต้นคลาดเคลื่อนไปก็เป็นได้ แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ควรศึกษาทำความเข้าใจ และนำมาวิเคราห์สถานการณ์ เพื่อเลือกกิจกรรมที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด ทั้งในเชิงการลงทุน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน
ลองมาดูตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
สมมติว่าผมสมัครงานและผ่านการคัดเลือก 3 บริษัท โดยแต่ละที่ให้อัตราเงินเดือนดังนี้
- บริษัทที่ 1 ให้อัตราเงินเดือน 10,000 บาท
- บริษัทที่ 2 ให้อัตราเงินเดือน 20,000 บาท
- บริษัทที่ 3 ให้อัตราเงินเดือน 30,000 บาท
ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเลือกงาน
- เลือกบริษัทที่ 1 จะมีต้นทุนค่าเสียโอกาส 30,000 บาท
- เลือกบริษัทที่ 2 จะมีต้นทุนค่าเสียโอกาส 30,000 บาท
- เลือกบริษัทที่ 3 จะมีต้นทุนค่าเสียโอกาส 20,000 บาท
แต่ในชีวิตจริงเรานั้น จำเป็นต้องนำปัจจัยอื่นๆที่ทั้งมีผลกระทบ รวมทั้งอาจมีผลกระทบเข้ามาร่วมในการวิเคราะห์ด้วย เช่น ค่าเดินทาง ชั่วโมงการทำงาน สวัสดิการต่างๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากทุกอย่างล้วนมีต้นทุน โดยเฉพาะเวลา เราจึงควรจัดสรรเวลาไปใช้ในกิจกรรมที่ได้รับผลประโยชน์มากกว่า ในบางครั้งอาจไม่ได้อยู่ในรูปของตัวเงิน อาจอยู่ในรูปของความพึงพอใจก็ได้เช่นกัน อาทิ การนำเวลาไปช่วยสังคมในด้านต่างๆ