หลักการของการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical analysis) เกิดจากพฤติกรรมราคาที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆบ่อยๆ จนส่งผลทางด้านจิตวิทยาให้คนส่วนใหญ่เริ่มคาดการณ์ว่า เมื่อเกิดรูปแบบราคาแบบนี้ขึ้นก็มักจะมีทิศทางราคาไปในทิศทางเดิมๆ (หากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบ) และเมื่อคนหมู่มากเริ่มมีความเชื่อว่ามีแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางนั้นจริงๆก็จะส่งผลให้เกิดรูปแบบซ้ำเดิม อาจกล่าวได้ว่า การวิเคราะห์ทางเทคนิคอลคือการวิเคราะห์พฤติกรรมราคาเพื่อคาดการณ์แนวโน้มที่มักจะเกิดขึ้นจริงต่อไป
นักลงทุนสายเทคนิคอลมักจะมองว่าปัจจัยพื้นฐานได้สะท้อนออกมาในรูปของราคาเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่แนะนำให้ละเลยการติดตามปัจจัยพื้นฐานประกอบการวิเคราะห์แนวโน้มด้วย เพราะพื้นฐานสามารถเปลี่ยนเทคนิคอลได้ แต่เทคนิคอลไม่สามารถเปลี่ยนพื้นฐานได้ และยังคงแนะนำให้ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานควบคู่ไปกับการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคอล ในการคาดแนวโน้มใหญ่และใช้เพื่อหาจังหวะในการเข้าซื้อและขายทำกำไรรวมทั้งตัดขาดทุน
เครื่องมือของนักลงทุนสายเทคนิคอลแต่ละคนมักจะแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบส่วนบุคคล รวมถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของนักเทคนิคด้วย และมักจะมีเครื่องมือหลักๆดังนี้
- Moving Average Convergence Divergence (MACD)
- Relative Strength Index (RSI)
- Stochastic
- Moving average (MA) เส้นค่าเฉลี่ย
- Divergence (สัญญาณขัดแย้ง)
- Fibonacci
- Support-Resistance (แนวรับ-แนวต้าน)
- Elite Wave 1-2-3-4-5-ABC
- CandleStick Pattern (รูปแบบการกลับตัวของแท่งเทียน)
แต่ก่อนจะลงลึกในส่วนของเครื่องมือทางเทคนิคอลนั้น อยากให้นักลงทุนรู้จักกับกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) เสียก่อน เนื่องจากเป็นรูปแบบการแสดงกราฟที่นิยมนำมาวิเคราะห์ต่อทางเทคนิคและนิยมใช้กันแพร่หลาย เมื่อนักลงทุนมีความเข้าใจในกราฟแท่งเทียนแล้ว การวิเคราะห์ทางเทคนิคย่อมจะสามารถวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น มาเริ่มทำความรู้จักกับแท่งเทียนกันก่อนเลยดีกว่า

แท่งเทียนจำนวน 1 แท่ง จะถูกใช้แทนการเคลื่อนตัวของราคาในกรอบเวลา (Time Frame) 1ช่วง ซึ่งอาจจะเป็น ชั่วโมงหนึ่ง วันหนึ่ง สัปดาห์หนึ่ง เป็นต้น สมมติว่าเราต้องการจะดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งราคามีการเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง หากเราเลือก กรอบเวลาเป็น 1 วันเราจะเห็นแท่งเทียนเพียง 1 แท่ง แต่หากเราเลือกกรอบเวลาเป็น 1 ชั่วโมงในการดูการเคลื่อนไหวของราคา จะเกิดแท่งเทียนรายชั่วโมงขึ้น 24 แท่งในระยะเวลา 1 วันเท่ากัน ดังรูปด้านล่าง

เมื่อเริ่มเข้าใจการเกิดของแท่งเทียนแล้ว ในลำดับต่อไปแนะนำให้เริ่มศึกษาการหาแนวรับ-แนวต้าน รวมทั้งสัญญาณทางเทคนิค (Indicator) เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการซื้อ-ขายในลำดับถัดไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคตต่อไป